ReutersReuters

EUROPE:วิเคราะห์การดิ่งลงของยูโรและผลกระทบต่อนักลงทุนทั่วโลก

ลอนดอน--27 พ.ย.--รอยเตอร์

  • ยูโร/ดอลลาร์ดิ่งลงมาแล้วราว 3.8% จากช่วงต้นเดือนพ.ย. และอาจจะปิดตลาดเดือนพ.ย.ด้วยการดิ่งลงรายเดือนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2022 ในขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่า การแกว่งตัวผันผวนของยูโรอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดการเงินโลกแกว่งตัวผันผวนได้ในอนาคต หลังจากที่การแกว่งตัวของค่าเงินเยนเคยส่งผลให้เกิดภาวะปั่นป่วนวุ่นวายในตลาดสินทรัพย์หลายประเภทมาแล้วในเดือนส.ค. โดยยูโรอยู่ที่ 1.0488 ดอลลาร์ในวันนี้ และอาจจะร่วงลงเข้าใกล้ระดับสำคัญที่ 1.0000 ดอลลาร์ โดยยูโรได้รับแรงกดดันในช่วงที่ผ่านมาจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงนโยบายด้านภาษีศุลกากรของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ, ความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในยูโรโซน ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิก 20 ประเทศ และสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เทรดเดอร์และนักลงทุนมีความเห็นที่แตกต่างกันไปต่อประเด็นที่ว่า ยูโร/ดอลลาร์จะมีทิศทางอย่างไรต่อไปในอนาคต ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐอาจจะได้รับผลกระทบจากมาตรการด้านภาษีศุลกากร และจากยอดหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้น โดยความไม่แน่นอนนี้อาจจะส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อการลงทุนแบบ Trump trades ที่ได้รับความนิยมสูง โดยการลงทุนดังกล่าวครอบคลุมถึงการลงทุนตามการคาดการณ์ที่ว่า ยูโรจะร่วงลงในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งสูงขึ้น

  • นายคิท จัคส์ หัวหน้าฝ่ายแผนยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินของธนาคารโซซิเอเต เจเนอราลกล่าวว่า "ตลาดจะแกว่งตัวผันผวน เพราะนักลงทุนจะเริ่มคิดว่า ยูโรจะดิ่งลงผ่านระดับ 1.0000 ดอลลาร์ลงไปหรือไม่ หรือว่ายูโรจะดีดกลับขึ้นมา โดยอย่างน้อยที่สุดเราก็จะพบว่ามีการอภิปรายกันมากยิ่งขึ้นในเรื่องการปรับตัวของยูโรในทั้งสองทิศทาง และผมก็ไม่มั่นใจว่าการที่สินทรัพย์ต่างประเภทปรับตัวสอดคล้องกันเป็นอย่างมากแบบนี้จะยังคงดำเนินต่อไปหรือไม่" ทั้งนี้ ดอลลาร์/เยนเคยแกว่งตัวผันผวนเป็นอย่างมากในช่วงต้นเดือนส.ค. ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้แก่กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่เคยลงทุนตามการคาดการณ์ในทางลบต่อค่าเงินเยน และปัจจัยดังกล่าวก็ส่งผลให้มีการเทขายหุ้นออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อนำเงินไปใช้ในการวางหลักประกันเพิ่ม ทางด้านผู้ควบคุมกฎระเบียบประกาศเตือนว่า ตลาดการเงินอาจจะเผชิญกับเหตุการณ์แบบนี้ได้อีก เมื่อใดก็ตามที่การลงทุนที่ได้รับความนิยมสูงปรับเปลี่ยนทิศทางไปอย่างรวดเร็ว เพราะว่ามีการใช้เงินกู้ในการลงทุนเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ นายจัคส์ยังระบุอีกด้วยว่า "ถ้าหากยูโรร่วงผ่านระดับ 1.0000 ดอลลาร์ลงไป ก็จะมีการพูดกันถึงประเด็นนี้อีกครั้ง"

  • ยูโร/ดอลลาร์ถือเป็นคู่สกุลเงินที่ได้รับการซื้อขายมากที่สุดในโลก ในขณะที่ดอลลาร์/เยนครองอันดับสอง, ปอนด์/ดอลลาร์ครองอันดับสาม, ดอลลาร์/หยวนครองอันดับสี่ และดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์แคนาดาครองอันดับห้า ทางด้านนักวิเคราะห์มองว่า ถ้าหากอัตราแลกเปลี่ยนยูโร/ดอลลาร์เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้ก็จะส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อผลกำไรของบริษัทข้ามชาติ และต่อแนวโน้มเศรษฐกิจกับอัตราเงินเฟ้อของประเทศต่าง ๆ ถ้าหากประเทศนั้นนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์และส่งออกสินค้าที่ตั้งราคาในรูปสกุลเงินดอลลาร์ ทั้งนี้ นายเธมอส ฟิโอทาคิส หัวหน้าฝ่ายแผนยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินของธนาคารบาร์เคลย์สระบุว่า "ยูโรถือเป็นเกณฑ์อ้างอิง" เพราะว่าประเทศที่มีความอ่อนไหวทางการค้า อย่างเช่นจีน, เกาหลีใต้ และสวิตเซอร์แลนด์ อาจจะปล่อยให้สกุลเงินของประเทศตนเองดิ่งลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ถ้าหากยูโรรูดลงต่อไป เพื่อที่ว่าสินค้าส่งออกของประเทศของตนเองจะได้สามารถแข่งขันกับสินค้าส่งออกของยูโรโซนได้ต่อไป นอกจากนี้ เขายังกล่าวเสริมว่า ปอนด์ก็มีความอ่อนไหวเป็นอย่างมากต่อยูโรด้วยเช่นกัน โดยปอนด์/ดอลลาร์ดิ่งลงมาแล้วกว่า 2% จากช่วงต้นเดือนนี้

  • ตลาดมีความอ่อนไหวต่ออัตราแลกเปลี่ยนยูโร/ดอลลาร์มากยิ่งขึ้น หลังจากเทรดเดอร์รีบเร่งทำสัญญาออปชั่นที่ครอบคลุมการลงทุนแบบข้ามสินทรัพย์ โดยเป็นผลจากนโยบายต่าง ๆ ของนายทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการลงทุนตามการคาดการณ์ที่ว่า ยูโรจะดิ่งลงและดัชนี S&P ของตลาดหุ้นสหรัฐจะพุ่งสูงขึ้น ทั้งนี้ นายแอลวิส มาริโน นักยุทธศาสตร์การลงทุนของธนาคารยูบีเอสระบุว่า นักลงทุนกำลังประเมินความเสี่ยงในเรื่องการแกว่งตัวของยูโร/ดอลลาร์ในระดับที่ต่ำเกินไป โดยมาตรวัดอุปสงค์ของนักลงทุนสำหรับความคุ้มครองจากการแกว่งตัวของยูโร/ดอลลาร์ในระยะใกล้ อยู่ที่ระดับราว 8% ในปัจจุบัน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับระดับใกล้ 14% ที่เคยทำไว้ในช่วงที่ยูโรดิ่งลงสู่ระดับต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ครั้งล่าสุดในเดือนต.ค. 2022 นอกจากนี้ นายมาริโนยังกล่าวเสริมว่า "ความผันผวนที่เกิดขึ้นจริงในตลาดปริวรรตเงินตราจะอยู่สูงกว่าระดับที่นักลงทุนคาดการณ์กันไว้ในปัจจุบัน" และเขาแนะนำให้ลูกค้าทำประกันความเสี่ยงต่อสกุลเงินโดยผ่านทางการทำสัญญาตราสารอนุพันธ์ที่จะจ่ายเงิน ถ้าหากความผันผวนของยูโรในอีกหนึ่งปีข้างหน้าอยู่สูงกว่าระดับปัจจุบัน

  • นักลงทุนในสินทรัพย์ระยะยาวคาดการณ์แตกต่างกันไปในเรื่องทิศทางของยูโร/ดอลลาร์ และความแตกต่างกันนี้บ่งชี้ว่า ยูโร/ดอลลาร์อาจจะแกว่งตัวผันผวนในช่วงหลายเดือนข้างหน้า โดยนายวิลเลม เซลส์ จากธนาคาร HSBC ระบุว่า "เราคาดว่ายูโรจะดิ่งลงสู่ระดับ 99 เซนต์สหรัฐภายในช่วงกลางปีหน้า" แต่นายแวงซองต์ มอร์ติเยร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทอามุนดี ซึ่งถือเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของยุโรประบุว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในยูโรโซนอาจจะช่วยกระตุ้นธุรกิจและปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในยูโรโซน และอาจจะช่วยหนุนยูโรให้พุ่งขึ้นสู่ 1.16 ดอลลาร์ภายในช่วงปลายปี 2025 ทั้งนี้ เทรดเดอร์ในตลาดออปชั่นคาดการณ์ว่า มีโอกาส 56% ที่ยูโรจะอยู่สูงกว่าระดับ 1.047 ดอลลาร์ในช่วงสิ้นปี แต่ธนาคารเจพี มอร์แกนกับธนาคารดอยช์ แบงก์คาดว่า ยูโรอาจจะดิ่งลงสู่ 1 ดอลลาร์ได้ โดยขึ้นอยู่กับมาตรการภาษีนำเข้า นอกจากนี้ ยูโรก็ได้รับแรงกดดันในช่วงที่ผ่านมาจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ 2.75% ในการประชุมวันที่ 12 ธ.ค.--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

Inicie sesión o cree una cuenta gratuita y permanente para leer esta noticia

Más noticias de Reuters

Más noticias